กรอบแนวคิดที่มา

กรอบแนวคิดที่มา The STUDIES Model
รูปแบบ The STUDIES Model เป็นผลสืบเนืองจากการศึกษาวิจัยเพื่อส่งเสริมความสามารถใน
จัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียน สำหรับนักศึกษาวิชาชีพครู ศึกษาวิเคราะห์หลักการ แนวคิด ทฤษฎี
ที่เกียวข้อง ประกอบด้วยแนวนโยบายแห่งรัฐในการโดการศึกษายุค Thailand 4.0 หรือยุคการศึกษา 4.0
มาตรฐานวิชาชีพครู พ.ศ. 2556 แนวคิดการจดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ (Constructivist Learning
Method : CLM) การออกแบบการเรียนการสอนที่เป็นสากล (Universal Design of Instruction ; UDI)การ
วัดผลการเรียนรู้ การกำหนดระดับความเข้าใจ ในการกำหนดค่าระดับคุณภาพการเรียนรู้ตามแนวคิดSOLO
Taxonomy ผลการศึกษาวิจัยได้รูปเเบบการจัดการเรียนรู้ทีเรียกว่า The STUDIES Model มีรายละเอียดกรอบ
STUDIES


แนวคิด (The STUDIES Model framework) คังแผนภาพประกอบที่ 1
ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
1.พาะราชบัญญัติการศึกษาเเฟงชาติ พ.ศ. 2542 และ    4. หลักสูตร การสอน ที่เนันผู้เรียนเป็นสำที่คัญ
ปรับปรุง 2553
2.มาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญา สาขาครุศาสตร์และ    5การศึกษา 4.0
หรือสาขาศึกษาศาสคร์ (หลักสูตรห้าปี)
3. มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา                            6 การกำหนดระดับความเข้าใจในการกำหนดค่าระดับ                       .                                                                   คุณภาพการเรียนรู้ตามแนวคิด SOLO Taxonomy
แนวคิด ทฤษฎีทีเกี่ยวข้องกับการเรียนจัดการเรียนรู้
1 .ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ (Constructivism)
2. Constructivist learning Method: CLM
3.แนวคิดการออกแบบการรียนการสอนที่เป็นสากล
4. SU Model
5, NPU Model
งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการเรียน
การสอน
l Meyers and other (2002)
2. Meyers and Mcnulty(2009)
3" สุเทพ อ่วมเจริญ ประเสริฐมงคล และวัชรา เล่า
เรียนดี (2559) (SU Learning Model)
4.สุจิตรา ปันดี (2558) (LRU Model)
5.นฤมล ปภัสสรานนท์ (2559)(I)RU Model)


  












วิธีการสร้างกรอบแนวคิด กระทำได้ 2 ลักษณะ คือ
                1. โดยการสรุปประเด็นต่างๆ จากข้อมูลที่ผู้วิจัยได้ศึกษาจากเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องให้กระจ่าง
                2. กำหนดจากกรอบทฤษฎีที่มีใช้ เป็นส่วนสำคัญในการศึกษาวิจัย ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจัยที่ได้ศึกษา เช่น การนำทฤษฎีการพยาบาลของรอย โอเร็ม มาใช้เป็นกรอบการวิจัยในการวิจัยเชิงบรรยายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาตัวแปร กรอบแนว คิดมักจะเป็นในลักษณะที่ 1 คือการสรุปประเด็นข้อมูล ส่วนในการวิจัยทดลอง จะต้องมีพื้นฐานทฤษฎี หลักการของการวิจัยที่ชัดเจน การกำหนดกรอบแนวคิดมักจะเป็นลักษณะที่ 2
วิธีการเขียนกรอบแนวคิด
                   ในการเขียนกรอบแนวคิด ผู้วิจัยจะต้องเขียนแสดงความสัมพันธ์ของแนวคิดในการวิจัยของตนให้ชัดเจน ในขอบเขตของเอกสารและงานวิจัยที่ศึกษา อาจเขียนไว้ท้ายก่อนหน้าส่วนของการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง(ท้ายบทที่ 1) หรือ ท้ายส่วนของการศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง(ท้ายบทที่ 2) ก็ได้ รูปแบบการเขียนทำได้ 3 ลักษณะ คือ
           1. เขียนแบบบรรยายต่อเนื่องกันโดยไม่แยกหัวข้อ ความยาวของการเขียนประมาณ 1 หน้ากระดาษ
          2. เขียนเป็น แผนภูมิ แสดงความสัมพันธ์และทิศทางระหว่างตัวแปรที่ศึกษา หรือ
          3. เขียนเป็นแผนภูมิประกอบคำบรรยายเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้ามีตัวแปรหลายตัว หรือตัวแปรมีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน

การสร้างกรอบแนวคิด เป็นการสรุปโดยภาพรวมว่างานวิจัยนั้นมีแนวคิดที่สำคัญอะไรบ้าง มีการเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกันอย่างไร มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ผู้วิจัยต้องนำข้อมูลจากหลายแหล่งมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ เพื่อให้ได้ข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับปัญหาวิจัยจริงๆ สิ่งสำคัญคือ ผู้วิจัยจำเป็นต้องศึกษาความรู้ในทฤษฎีนั้นๆ ให้มากพอ ทำความเข้าใจทั้งความหมายแนวคิดที่สำคัญของสมมติฐานจนสามารถเชื่อมโยงในเชิงเหตุผลให้เห็นเป็นกรอบได้อย่างชัดเจน การเชื่อมโยงของแนวคิดนี้ บางที่เรียกว่า รูปแบบ หรือตัวแบบ (model)

รูปแบบ The STUDIES Model มี 7 ขั้นตอน ดังรายละเอียดต่อไป
S : ทำหนคจดหมายการเรียนรู้ (setting learning goals) การกำหนดจุดหมายการเรียนรู้ ผู้เรียนต้อง
ระบุจุดหมายการเรียนรู้(goals) ด้วยการระบุความรู้และการปฏิบติ โดยการระบุ ความรู้ในรูปของสารสนเทศ(declarative knowledge) และระบุทักษะ การปฏิบตหรือกระบวนการ(procedural knowledge) จุดหมาย
การเรียนรู้ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยจำนวนของบทเรียน ปริมาณเนื้อหาสาระหรือความรู้สูงสุด แต่หมายถึงความ
คาดหวังที่จะเรียนรู้ต่อสื่งใดสิ่งหนึ่งและเจตนาที่จะให้ผูเรียนแสดงถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้
T : วิเคราะหภาระงาน (Task Analysis) ศึกษาข้อมูลต่างๆเพือให้ได้ความรู้(knowledge) ทักษะ
(Skill) และเจตคติ (Attitude) ทีเกียวข้อง เพื่อการอธิบายภาระงานหรือกิจกรรมทีช่วยน้าทางผู้เรียนไปสู่
จุดหมายการเรียนรู การวิเคราะห์งานจะเขียนแสดงความสัมพนธ์ด้วย KSA diagram คือ Knowledge-Skill-
Attitudes
U: การออกแบบการเรียนการสอนทเป็นสากล (Universal Design for Instruction UDI) เป็นการ
ออกแบบการสอนที่ครูมีบทบาทเป็นผู้ดำเนินการเชิงรุก (proactive)เกี่ยวกับการผลิตเเละหรือจัดหาจัดทำหรือ
ชี้แนะ ผลิตภัณฑ์การศึกษา (educational products computers, websites, software, textbooks, and lab equipment)
และสิ่งแวดล้อมการเรียน (dormitories, classrooms, student union buildings, libraries and distance earningcourses), ทีจะระบุถึงในทุกขั้นตอนของการเรียนการสอน
D : การเรียนรู้จากสื่อดิจิทัล  (Digital Learning) การเรียนรู้จากสื่อดิจิทัลเป็นการเรียนรู้ผ่านเครือข่าย
เช่น เครือข่ายสังคมออนไลน์(Social networking) การแชร์ภาพและการใช้อินเทอร์เน็ตแบบเคลื่อนที่เป็นต้น
การเรียนรู้จากสื่อดิจิทัลมีนัยมากกว่าการรู้เกียวกับเทคโนโลยี สารสนเทศ เเต่ยังครอบคลุมถึงประเด็นต่างๆ
เกียวกับเนื้อหา(content) จริยธรรมสังคม และการสะท้าอน (Reflection) ซึ่งฝังอยู่ในการเรียนรู้ การทำงาน
เเละชีวิตประจำวัน
I : การบูรณาการความรู้(Integrated Knowledge) การเชื่อมโยงความรู้ที่เกี่ยวข้องภายในศาสตร์
ต่าง ๆ ของรายวิชาเดียวกันหรือหลากหลายวิชาเพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตจริง ในการ
จัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ (Integrated learning Management) เป็นกระบวนการโดประสนการณได้)
เชื่อมโยงสาระความรู้ของศาสตร์ตาง ๆทีเกียวข้องให้ผู้เรียนได้รับความรู้ ทักษะ และเจตคดิ
E : การประเมินเพอปรับปรุงการสอน (Evaluation to Improve Teaching) การประเมินการเรียนรู้
ของตนเอง โดยกำหนดค่าคะแนนจากการวิเคราะห์การประเมินการเรียนรู้ด้านความรู้ (Cognitive Do
ของบลูม (Bloom's Taxonomy) การประเมินตามสภาพจริงเเละ การประเมินจากแฟ้มสะสมงานเป็นการ
ตรวจสอบการบรรลุจุดหมายการเรียนรู้
S : การประเมินอิงมาตรฐาน (Standard BasedAssessment) การประเมินคุณภาพการเรียนรู้
อิงมาตรฐานโดยใช้แนวคิดพื้นฐานโครงสร้างการสังเกตผลการเรียนรู้ (Structure of Observed Leanne
Outcomes : SOLO Taxonomy) มากําหนดระดับคุณภาพผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นการตรวจสอบคุณภาพ
การเรียนรู้ รวมถึงมาตรฐานการประเมินคุณภาพภายในและการประเมินคุณภาพภายนอก
การปรับปรุงรายวิชา
สาขาวิชาหลักสูตรและนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม ได้
ปรับปรุงเหล้าสูตรครุศาสตร์บัฌฑิต พ.ศ.2556 เป็นหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต ปรับปรุง พ.ศ. 2561 และ
ปรับเปลี่ยนรายวิชาการออกเเบบและการจัดการเรียนรู้(Instructional Design and Management) เป็นรายวิชา
การจัดการเรียนรู้และการจัดการเรียนรู้ (Instructional and Classroom Management)
รายละเอียดการปรับปรุง คือ ชื่อรายวิชา รห้สวิชา จำนวนชั่วโมงในการจัดการเรียนการสอน และคำอธิบายรายวิชา ทั้งภาษาไทยและภาษายังกฤษ เพื่อให้สาระเเละสมรรถนะในการเรียนรู้สอดคล้องกบมาตรฐานการจัดการเรียนรู้ที่คุรุสภากำหนด หนังสือ The STUDIES Model : การจัดการเรียนรู้และการจัดการชั้นเรียน เพื่อตอบสนอง
ความต้องการในการเรียนรู้ดังกล่าว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้