อัธยาตมวิทยา: ความรู้ที่เกี่ยวกับจิตใจของคน
นิรมลตีรณสารสวัสดิบุตร (2548: 7-8) ได้กล่าวไว้ว่าหนังสืออัธยาตมวิทยา (อ่านว่าอัด-ทะยาด-ตะ-มะ-วิด-ทะ-ยา)
หมายถึงความรู้ที่เกี่ยวกับจิตใจของคนซึ่งเป็นความรู้ที่ผู้เป็นครูจำเป็นต้องรู้เพราะทำงานกับคนเป็นตำราวิชาครูของกรมศึกษาธิการที่เขียนโดยขุนจรัสชวนะพันธ์สารทสุทธเสถียร)
พิมพ์เผยแพร่ในปีร. ศ. 125 (พ. ศ. 2449) อาจารย์ผู้สอนวิชาจิตวิทยาการศึกษาในสถาบันผลิตครูยิ่งควรอ่านและเชิญชวนให้นิสิตนักศึกษาอ่านด้วยและเสนอแนวคิดเพิ่มเติมว่าในการเขียนตำราควรอ่านแล้วปรับปรุงตำราให้ทันสมัยเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมพยายามให้ได้ใจความและเลือกสรรเฉพาะเรื่องที่จำเป็นสำหรับครูจริง
ๆ ตลอดจนการใช้วิธีเขียนและภาษาที่เข้าใจง่ายเช่นเดียวกับที่ตำราอัธยาตมวิทยานี้แสดงตัวอย่างไว้หนังสือยัธยาตมวิทยาแบ่งเป็นตอนใหญ่ๆ
10 ตอน คือ
1.วิทยาศาสตร์แห่งร่างกายและวิทยาศาสตร์แห่งจิตใจซึ่งเน้นว่าครูที่ดีจะต้องรู้อาการของจิตใจนักเรียนให้ละเอียดเหมือนแพทย์ที่ดีต้องร้อาการของร่างกายคนไข้
2. ลักษณะทั้งสามของจิตใจ (ความกระเทือนไขความรู้ความตั้งใจ)
มีการแบ่งชั้นของความเจริญของจิตใจไว้3ชั้นคืออายุ 17
ปี 7-14 ปีและ 14-21 ปีซึ่งเป็นช่วงอายุของคนที่ที่เป็นลูกศิษย์ของครูอาจารย์
3. ความสนใจมีสองชนิดคือที่เกิดขึ้นเองและที่ต้องทำให้เกิดขึ้น
4. ความพิจารณามีการเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนว่าเด็กในกรุงเทพฯกับเด็กบ้านนอกมีความพิจารณาต่างกันอย่างไรและครของเด็กทั้งสองพวกนี้ควรส่งเสริมเด็กต่างกันอย่างไรนอกจากนี้ยังมีข้อแนะนำที่น่าสนใจสำหรับครูในการสอนวิชาต่าง
ๆ เช่นภูมิศาสตร์ไวยากรณ์พงศาวดารการเขียนลายมือและวาดรูป
5. ความเจริญของอาการทั้งห้า
(รู้สึกเห็นฟังชิมคม) มีการกล่าวถึงหน้าที่ของครูในการหักอาการทั้ง 5 และบอกวิธีหัดอาการบางชนิดไว้ด้วยเช่นหัดให้รู้จักสีหัดให้รู้จักรูปห้คให้รู้จักพนทางไกล
(การวัดการคาดคะเน)
หัดให้รู้จักรูปด้วยอาการสัมผัสพัดอาการฟังด้วยการอ่าน-ด้วยเพลงพัดอาการคมและอาการชิม
6. ความจำมีเรื่องลืมสนิทและลืมไม่สนิทจำได้และนึกออกชนิดของความจำและเรื่องที่ครูควรอ่านเป็นอย่างยิ่งคือสิ่งที่ครูควรถือเป็นหลักในเวลาที่จะให้นักเรียนจ้าสิ่งที่ควรให้นักเรียนทองขึ้นใจและสิ่งที่ไม่ควรให้นักเรียนท่อง
7. ความคิดคำนึงวิธีฝึกหัดความคิดคำนึงให้ดีขึ้นมีการเสนอว่าบทเรียนที่ช่วยฝึกหัดความคิดค้นึ่งของเด็กได้ดีที่สุดคือพงศาวดารและภูมิศาสตร์และแม้แต่หนังสือเรื่องยักษ์หรือผีสางเทวดาที่ผู้ใหญ่เห็นว่าไร้สาระก็ช่วยหัดให้เด็กมีความคิดคำนึ่งได้
8. ความตกลงใจเกิดจากอาการ
2 อย่างคือการเปรียบเทียบและการลงความเห็นมีตัวอย่างบทเรียนที่ช่วยฝึกหัดความตกลงไจเช่นการเขียนหนังสือและวาดรูปบทเรียนสำหรับหัดมือ
(พับตัดปั้นการกระจายประโยคตามตำราไวยากรณ์เลขการเล่นออกแรง
9. ความวิเคราะห์มีการแสดงตัวอย่างวิธีสอน
2 แบบคือแบบ“ คิดค้น "(induction)
และแบบ“ คิดสอบ” (deduction) มีการเปรียบเทียบให้ดูว่าคิดค้นกับคิดสอบต่างกันอย่างไรและมีประโยชน์แก่การศึกษาต่างกันอย่างไรครูจะได้เลือกว่าเมื่อใดควรให้นักเรียนคิดค้นเมื่อใดให้ติดสอบและมีตัวอย่างวิธีสอนเรื่องกริยาวิเศษณ์ที่แสดงขั้นตอนการสอนให้ดู
11 ขั้นตอนซึ่งเป็นการคิดค้นแล้วต่อด้วยอีก 2 ขั้นตอนซึ่งเป็นการคิดสอบการใช้วิธีสอนรวมกันทั้งคิดค้นและคิดสอบเช่นนี้ท่านเรียกว่าวิธีสำเร็จและบอกว่าเป็นวิธีที่ดีกว่าวิธีอื่น
ๆ
10. ความเข้าใจมีการให้ตัวอย่างคำจํากัดความลักษณะแห่งความเข้าใจและบอกวิธีสอนที่จะทำให้เด็กเข้าใจได้ดีซึ่งเป็นสิ่งที่ครูทุกคนปรารถนา
วิชาอัธยาตมวิทยาต่อมาเป็นวิชาจิตวิทยาในหลักสูตรผลิตครูในหลายสถาบันคือเรียนรู้หลักวิชาจิตวิทยาที่จะเป็นประโยชน์ในการเรียนการสอน
(จรัสชวนะพันธ์ (สารทสุทธเสถียร), ขุน (2548) นนทบุรี:
สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น