การเรียนรู้แบบร่วมมือ
ประสิทธิผลของการเรียนรู้แบบร่วมมือได้รับการยืนยันจากการวิจัยทั้งการศึกษาวิจัยในห้องทดลองและในภาคสนานการศึกษาสหสัมพันธ์ที่แสดงว่าการเรียนรู้แบบร่วมมือได้ผลในห้องเรียนจริง
ๆ Johnson
and Jolinson (1994) สรุปว่าการวิจัยเชิงสาธิตแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ 1) การประเมินผลรวมได้ผลว่าการเรียนรู้แบบร่วมมือก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์
2) การประเมินผลรวมเชิงเปรียบเทียบได้ข้อสรุปว่า
กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือดีกว่ากระบวนการเรียนรู้แบบอื่น
ๆ 3)
การประเมินผลระหว่างเรียนให้ผลที่จุดมุ่งหมายที่การพัฒนาการการใช้การเรียนรู้แบบร่วมมือและ
4) การศึกษาผลกระทบของการเรียนรู้แบบร่วมมือที่มีต่อผู้เรียนการเรียนรู้แบบร่วมมืออาจใช้ได้กับทุกระดับชั้นทุกเนื้อหาวิชาและทุกงาน
(ภาระงาน)
ด้วยความมั่นใจความร่วมมือเป็นความพยายามของมนุษย์โดยทั่วไปซึ่งส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ต่าง
ๆ ทางการศึกษาผลลัพธ์นี้ Johnson and Johnson (1989a) สรุปได้เป็น
3 ประเภทคือความพยายามที่จะบรรลุผลสัมฤทธิ์สัมพันธภาพทางบวกระหว่างบุคคลและสุขภาพจิตดังภาพประกอบที่
4

ภาพประกอบที่ 4 ผลลัพธ์ขยงการร่วมมือ
ที่มา Johnson and Johnson (1994 the
new circles of learning cooperation in the classroom and school มานพธรรมสารผู้แปลกรมวิชาการ
2546: 32)
ทักษะแห่งความร่วมมือ
Ironton und lollinson (1991, 1994) กล่าวว่าทักษะระหว่างบุคคลหลายทักษะส่งผลต่อความสำเร็จในความพยายามร่วมมือกันทักษะแห่งความร่วมมือมี
4 ระดับคือ
1.ระดับสร้างนิสัย (forming)
ทักษะขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต่อการสร้างกลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือให้ทำหน้าที่ได้เป็นทักษะเริ่มแรกของทักษะที่มุ่งการจัดการเรียนรู้และก้าหนดมาตรฐานขั้นต่ำพฤติกรรมที่สำคัญบางประการเกี่ยวกับทักษะระดับสร้างนิสัยดังตัวอย่างต่อไป
เคลื่อนไหวในกลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยไม่ก่อให้เกิดเสียงรบกวนเวลาการทำงานกลุ่มเป็นสิ่งมีค่าจึงควรใช้เวลาในการจัดโต๊ะเก้าอี้และจัดกลุ่มการเรียนให้น้อยที่สุดตามความจำเป็นนักเรียนอาจจำเป็นต้องฝึกการจัดกลุ่มหลาย
ๆ ครั้งก่อนที่จะปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิผล
อยู่ประจำกลุ่มนักเรียนที่เดินไปเดินมาในช่วงที่กลุ่มทำงานไม่ก่อให้เกิดผลดีและยังรบกวนสมาธิของสมาชิกกลุ่มอื่นด้วย
พูดเบาๆแม้ว่ากลุ่มการเรียนรู้ต้องอาศัยปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มแต่ไม่จำเป็นต้องใช้เสียงดังเกินไปครูอาจมอบหมายให้นักเรียนคนหนึ่งในกลุ่มเป็นผู้คอยกำกับคนอื่นให้พูดเบาๆ
กระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมสมเคลื่อนไหวในกลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยไม่ก่อให้เกิดเสียงรบกวนเวลาการทำงานกลุ่มเป็นสิ่งมีค่าจึงควรใช้เวลาในการจัดโต๊ะเก้าอี้และจัดกลุ่มการเรียนให้น้อยที่สุดตามความจำเป็นนักเรียนอาจจำเป็นต้องฝึกการจัดกลุ่มหลาย
ๆ
ครั้งก่อนที่จะปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิผลอยู่ประจำกลุ่มนักเรียนที่เดินไปเดินมาในช่วงที่กลุ่มทำงานไม่ก่อให้เกิดผลดีและยังรบกวนสมาธิของสมาชิกกลุ่มอื่นด้วยพูดเบาๆแม้ว่ากลุ่มการเรียนรู้ต้องอาศัยปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มแต่ไม่จำเป็นต้องใช้เสียงดังเกินไปครูอาจมอบหมายให้นักเรียนคนหนึ่งในกลุ่มเป็นผู้คอยกำกับคนอื่นให้พูดเบา
ๆ กระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมสมาชิกกลุ่มทุกคนต้องร่วมกันคิตร่วมกันใช้สื่อการเรียนและมีส่วนในความพยายามให้กลุ่มบรรลุผลการให้นักเรียนผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่เป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้นักเรียนทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วม
2. ระดับสร้างบทบาท (function)
ทักษะที่จำเป็นต่อการจัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อทำงานให้สำเร็จและรักษาสัมพันธภาพในการทำงานที่มีประสิทธิผลในหมู่สมาชิกกลุ่มทักษะระดับที่สองนี้เน้นที่การจัดการความพยายามของกลุ่มเพื่อทำงานให้สำเร็จและรักษาความสัมพันธ์ในการทำงานที่มีประสิทธิผลการทำให้สมาชิกกลุ่มจดจ่ออยู่กับการทำงานการหาวิธีดำเนินการที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลและการสร้างบรรยากาศการทำงานที่น่าพึงพอใจและเป็นมิตรนั้นถือว่าเป็นการผสมผสานอันสำคัญที่จะนำไปสู่กลุ่มการเรียนรู้แบบร่วมมือที่มีประสิทธิผลตัวอย่างทักษะระดับสร้างบทบาท
แนะแนวทางการทำงานของกลุ่มโดย (1) แจ้งและความมุ่งหมายของงานที่ได้รับมอบหมาย
(2) เตือนได้ใช้เวลาตามที่กำหนดไว้และ (3)
เสนอขั้นตอนว่าจะทำงานอย่างไรให้สำเร็จอย่างมีประสิทธิผลที่สุด
แสดงออกถึงการสนับสนุนและการยอมรับทั้งการใช้คำพูดและการแสดงท่าทางโดยใช้การมองสบตาแสดงความสนใจชมเชยแสวงหาความคิดและข้อสรุปของผู้อื่น
ขอความช่วยเหลือหรือความชัดเจนในสิ่งที่พูดหรือทำในกลุ่ม
เสนอให้คำอธิบายหรือชี้แจง
แปลความหมายข้อเสนอของสมาชิกอื่น
เสริมพลังให้กลุ่มเมื่อเห็นว่าแรงจูงใจลดลงโดยเสนอแนะความคิดใหม่ใช้อารมณ์ขันหรือแสดงความกระตือรือร้น
บรรยายความรู้สึกของตนเมื่อมีโอกาสเหมาะ
3. ระดับสร้างระบบ (formulating)
เป็นทักษะที่จำเป็นต่อการสร้างความเข้าใจระดับลึกในเนื้อหาวิชาที่เรียนเพื่อส่งเสริมให้ใช้กลยุทธ์การใช้เหตุผลที่มีคุณภาพสูงและเพิ่มความเชี่ยวชาญและความคงทนของความรู้ที่ได้จากงานที่ปฏิบัติทักษะระดับที่สามนี้ทำให้เกิดกระบวนการทางสมองที่จำเป็นในการสร้างความเข้าใจที่ลึกลงไปในเนื้อหาความรู้ที่เรียนกระตุ้นการใช้กลยุทธ์การให้เหตุผลที่มีคุณภาพสูงและเพิ่มความเชี่ยวชาญและความคงทนของเนื้อหาความรู้ที่เรียนเนื่องจากความมุ่งหมายกลุ่มการเรียนรู้คือต้องการเพิ่มการเรียนรู้ของสมาชิกทักษะเหล่านี้มุ่งเป้าหมายเฉพาะไปที่การให้รูปแบบวิธีการในการจัดระเบียบความรู้ที่เรียนทักษะระดับสร้างระบบสามารถดำเนินไปได้ในขณะที่สมาชิกกลุ่มรับบทบาทต่าง
ๆ กันบทบาทที่สัมพันธ์กับทักษะเหล่านี้คือ
ผู้สรุปย่อเป็นผู้กล่าวสรุปสิ่งที่อ่านหรือภิปรายให้สมบูรณ์เท่าที่จะทำได้โดยไม่อาศัยร่างบันทึกหรือสื่อการเรียนต้นฉบับควรสรูปข้อเท็จจริงและความคิดสำคัญทั้งหมดไว้ในการสรุปย่อด้วยสมาชิกทุกคนในกลุ่มต้องสรุปย่อจากความจำบ่อย
ๆ เพื่อเพิ่มการเรียนรู้
ผู้แก้ไขเป็นผู้ระวังเรื่องความถูกต้องโดยคอยแก้ไขข้อสรุปของสมาชิกแล้วเพิ่มเติมข้อสนเทศที่สำคัญซึ่งไม่ปรากฏในข้อสรุป
ผู้ประสานความร่วมมือเป็นผู้ประสานความร่วมมือโดยขอให้สมาชิกอื่น
ๆ เชื่อมโยงความรู้ที่กำลังเรียนอยู่กับความรู้ที่เรียนไปแล้วและกับสิ่งอื่น ๆ
ที่สมาชิกเหล่านั้น
รู้ผู้ช่วยจำเป็นผู้หาวิธีการที่ดีในการจดจำข้อเท็จจริงและความคิดสำคัญโดยการใช้ภาพวาดสร้างมโนภาพหรือวิธีจำอื่น
ๆ แล้วนำมาร่วมหารือในกลุ่ม
ผู้ตรวจสอบความเข้าใจเป็นผู้ขอให้สมาชิกกลุ่มอธิบายเป็นขั้นเป็นตอนถึงเหตุผลที่ใช้ในการทำงานให้สำเร็จซึ่งจะทำให้การให้เหตุผลของนักเรียนชัดแจ้งและเปิดกว้างต่อการปรับแก้และอภิปราย
ผู้ขอความช่วยเหลือ เป็น ผู้เลือกคนที่จะคอยให้ความช่วยเหลือเพื่อนในกลุ่มรวมทั้งเป็นผู้ตั้งคำถามที่ชัดเจนและตรงประเด็นและทำอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะช่วยเหลือสำเร็จ
ผู้อธิบายเป็นผู้บรรยายวิธีการทำงานให้สำเร็จ
(โดยไม่ให้คำตอบ)
ให้ข้อมูลย้อนกลับที่เจาะจงเกี่ยวกับงานนักเรียนอื่นและลงท้ายด้วยการขอให้นักเรียนอื่นบรรยายหรือสาธิตวิธีการทำงานให้สำเร็จ
ผู้ให้ความสะดวกในการอธิบายเป็นผู้ขอให้สมาชิกกลุ่มวางแผนที่จะสอนเนื้อหาความรู้ให้นักเรียนคนอื่นโดยละเอียดการวางแผนวิธีการถ่ายทอดความรู้ที่ดีที่สุดมีผลต่อคุณภาพของกลยุทธ์การให้เหตุผลและความคงทนของความรู้
4. ระดับสร้างเสริม (fermenting)
ทักษะที่จำเป็นต่อการส่งเสริมการรับรู้เหตุผลในสิ่งที่เรียนความขัดแย้งด้านการรู้คิด
(อภิปัญญา)
การค้นหาความรู้เพิ่มเติมและการสื่อสารกันด้วยหลักเหตุผลเมื่อมีการสรุปผลทักษะแห่งความร่ามมือระดับที่สี่ที่ทำให้นักเรียนสามารถเข้าร่วมในการโต้แย่งทางวิชาการได้ประเด็นสำคัญที่สุดบางประการของการเรียนรู้เกิดขึ้นเมื่อสมาชิกกลุ่มท้าทายการสรุปผลและการให้เหตุผลของกันและกันอย่างคล่องแคล่วการโต้แยงทางวิชาการทำให้สมาชิกกลุ่ม“
เจาะลึก
"ในเนื้อหาความรู้ที่เรียนระคมหลักเหตุผลในข้อสรุปคิดแปลกแยกเกี่ยวกับปัญหาหาข้อสนเทศเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนจุดยืนของตน
และอภิปรายโต้แย้งอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับทางเลือกของการแก้ปัญหาและการตัดสินใจทักษะที่เกี่ยวข้องกับการโต้แย้งทางวิชาการ
ได้แก่
วิจารณ์ความคิดโดยไม่วิจารณ์คน
แบ่งแยกความแตกต่างเมื่อมีความเห็นขัดแย้งขึ้นในกลุ่มการเรียนรู้
บูรณาการความคิดหลายความคิดให้เป็นจุดยืนเดียว
ขอคำชี้แจงในเรื่องการสรุปผลผลหรือคำตอบของสมาชิก
ขยายความข้อสรุปหรือคำตอบของสมาชิกอื่นโดยเพิ่มเติมข้อมูลหรือแสดงนัยที่นอกเหนือออกไป
ตรวจสอบโดยการตั้งค้าถามซึ่งนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกลงไปหรือการวิเคราะห์
(“
มันจะได้ผลหรือไม่ในสถานการณ์นี้.. มีอย่างอื่นอีกหรือไม่ที่ทำให้คุมเชื่อ..?")
ให้คำตอบลึกลงไปอีกโดยเจาะลึกลงไปนอกเหนือคำตอบหรือข้อสรูปแรกให้คำตอบที่มีความเป็นไปได้หลายๆคำตอบให้เลือก
ทดสอบความจริงโดยการตรวจสอบงานของกลุ่มในเรียงวิธีการทํางาน
เวลา ที่มีและปัญหาที่กลุ่มเผชิญ
ทักษะความร่วมมือช่วยให้สมาชิกกลุ่มมีแรงจูงใจในการให้คำตอบที่ลึกมีคุณภาพสูงนอกเหนือจากคำตอบที่ตอบออกมาอย่างฉับพลันโดยการกระตุ้นการคิดและความอยากรู้อยากเห็นทางพุทธิปัญญาของสมาชิกกลุ่ม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น